ซัด ศธ.เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก ลงโทษ ‘ผอ.-ครู’ กล้อนผม น.ร.เท่ากับสร้างแผล จี้ ‘ตรีนุช’ วางเกณฑ์กลาง

เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก 8

ซัด ศธ.เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก ลงโทษ ‘ผอ.-ครู’ กล้อนผม น.ร.เท่ากับสร้างแผล

การศึกษา  จี้ ‘ตรีนุช’ วางเกณฑ์กลาง-สกัดละเมิดสิทธิเด็ก ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยให้อำนาจสถานศึกษากำหนดรูปแบบทรงผมให้นักเรียนตามบริบท และอัตลักษณ์ของตน ซึ่งการกำหนดระเบียบทรงผมของสถานศึกษา จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นจาก ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนด้วย แม้จะดูเหมือนว่าการยกเลิกระเบียบทรงผมจะเป็นเรื่องดี แต่ในทางปฏิบัติกลับเหมือนเป็นนรก เพราะเสียงของเด็กดังสู้เสียงของครู และผู้ปกครองไม่ได้ อีกทั้ง เวลานี้ระเบียบทรงผมอยู่ในช่วงสูญญากาศ เพราะสถานศึกษาแต่ละแห่งอยู่ระหว่างวางระเบียบทรงผมของตัวเอง จึงทำให้เห็นข่าวด้านดี และร้าย คือจะมีโรงเรียนที่เปิดกว้าง และมีโรงเรียนที่มีความอนุรักษ์นิยม ลงโทษกล้อนผมนักเรียนอยู่“เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.ตรีนุชลงโทษทางวินัยกับผู้บริหาร และครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ที่ใช้กรรไกรตัดผมนักเรียนกว่า 100 คน แม้จะเป็นเรื่องที่เด็ดขาด แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้ได้สร้างแผลให้กับผู้บริหาร และครูด้วย ซึ่งสิ่งที่ครู และผู้บริหารได้รับก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของเด็กที่ถูกครูลงโทษ มองว่าควรจะหลีกเลี่ยงการลงโทษด้วยการใช้อำนาจ แต่ ศธ.ควรจะสร้างความเข้าใจ และออกระเบียบ หรือนโยบายที่ชัดเจน ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรมให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นก็จะเห็นการตีความ และใช้อำนาจในทางที่ผิด เห็นการละเมิดสิทธิเด็กออกมาอยู่เสมอ” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก 8

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวอีกว่า โรงเรียนยังมีระบบอำนาจนิยม และครูใช้อำนาจที่มีอยู่ละเมิดสิทธิเด็ก

การศึกษา เพราะครูส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องสิทธิเด็ก ตนมองว่าส่วนกลางโดยเฉพาะ ศธ.ควรจะออกระเบียบเกี่ยวกับทรงผมอย่างกว้างๆ แต่มีหลักการชัดเจน คือถือหลักการกระจายอำนาจ ซึ่งการกระจายอำนาจนั้น จะต้องมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักเรียน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง อีกทั้ง ศธ.จะต้องลงไปกำกับ และติดตามตรวจสอบด้วย“ระเบียบทรงผม ควรยึดความเป็นสากล ควบคู่กับหลักการของสังคมไทย คือหลักสากลจะต้องไม่ละเมิดสิทธิเด็ก ส่วนหลักการในสังคมไทย คือแม้จะเปิดกว้าง แต่เด็กก็ไม่ควรทำผมสีแดง สีชมพูไปโรงเรียน จะต้องมีความพอดีระหว่างกัน และการกำหนดระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ควรจะกำหนดระเบียบโดยยึดสิทธิเด็ก และพัฒนาการของเด็กเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้สถานศึกษาเป็นที่บ่มเพาะประชาธิปไตยในเด็ก คือเด็กจะต้องมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน สัดส่วนของครู ผู้ปกครอง และนักเรียนในการลงประชามิติ ลงความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันด้วย” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : โรงเรียนของฉัน : ประทับใจการแข่งท่องอาขยาน